จับหนุ่ม 17 หึงโหด ยิงสาวใหญ่วัย 49 แค้นตีตัวออกห่าง อ้างเพราะรักมากเกินไป

จับหนุ่ม 17 หึงโหด ยิงสาวใหญ่วัย 49 แค้นตีตัวออกห่าง หลังคบกันได้ 3 เดือน อ้างอารมณ์ชั่ววูบ ทำเพราะรักมากเกินไป

เมื่อเวลา 10.30 น. (18 ก.ค.65) พ.ต.ต.สุพจน์ บุญสวน สว.เวร สภ.แกลง ระยอง ได้รับแจ้งเกิดเหตุใช้อาวุธปืนยิงกันจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตหนึ่งราย คนร้ายเป็นชาย ขี่ จยย. หลบหนีไป เหตุเกิดภายในบ้าน ม.9 ต.เนินฆ้อ อ.แกลง จ.ระยอง จึงประสานแพทย์เวร รพ.แกลง และ หน่วยกู้ภัยพุทธศาสตร์สงเคราะห์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน เดินทางไปตรวจสอบ และ สกัดจับคนร้ายทันที

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบชาวบ้านกำลังยืนมุงกันอยู่ริมถนน หน้าบ้านเกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียว จึงเข้าไปตรวจสอบ พบกับศพผู้หญิง ใส่เสื้อสีเลือดหมูกางเกงขาสั้นสีดำนอนหงายเสียชีวิตอยู่บนพื้นปูนหน้าบ้าน สภาพศพเลือดไหลอาบใบหน้า ตรวจสอบเบื้องต้นพบถูกอาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงเข้าที่ใบหน้าด้านขวาทะลุด้านซ้าย จำนวน 3 รู ก่อนจะนำศพส่งชันสูตรที่ิ รพ.แกลง

จากการสอบสวนทราบว่าผู้เสียชีวิตชื่อ น.ส.ดรุณี อายุ 49 ปี มีอาชีพขายถุงซิปล็อค ถุงซิป โดยก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียชีวิตกำลังอยู่ที่หน้าบ้านตามลำพัง คนร้ายคือ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของผู้เสียชีวิต ได้ขี่จยย. ยี่ห้อฮอนด้าเวฟสีดำแดง ไม่ทราบทะเบียน มาแล้วก็เดินตรงเข้าไปยิงหนึ่งนัด แล้วก็มีเสียงตะโกนด่า ก่อนจะขี่จยย.หลบหนีไป

ด้าน น.ส.กุลสตรี อายุ 18 ปี บุตรสาวของผู้เสียชีวิต ได้ให้การทั้งน้ำตาว่า มือปืนกับมารดา เพิ่งคบหากันประมาณ 3 เดือน โดยมือปืนจะเป็นคนที่ชอบหึงหวง และ มีการทะเลาะกันบ่อยครั้ง และ เคยขู่จะฆ่าหากนอกใจ จึงทำให้มารดากลัวและต้องการตีตัวออกห่าง จนกระทั่งมาเกิดเหตุร้ายขึ้น

ส่วนเพื่อนบ้านได้เปิดเผยว่า ทุกคนต่างก็ทราบดีว่า มือปืนหลงรักผู้เสียชีวิตมาก และ ชอบระแวงว่าจะนอกใจจนทำให้เกิดเหตุทะเลาะกันบ่อยครั้งจนเป็นที่ทราบกันดีและ เมื่อวานตอนเย็นทางมือปืนที่ก่อเหตุ ได้ไปดื่มสุรา และ ตัดพ้อว่า รักผู้เสียชีวิตมาก ไม่รู้เป็นเพราะอะไรจึงรักมาก ถ้ารู้ว่านอกใจหรือมีกิ๊กใหม่จะยิงให้ตายทั้งครอบครัว แต่ทถกคนก็พยายามห้าม และ เตือน บอกว่าอายุยังน้อยอยู่ ยังมีอนาคตอย่าคิดทำเด็ดขาด โดยที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นจริง

เช่นเดียวกับ นายประยุทธ อายุ 63 ปี ที่อยู่บ้านตรงข้ามกับที่เกิดเหตุ ได้เปิดเผยว่า ขนาดตนเองยังถูกมือปืนเข้าใจผิด คิดว่าแอบชอบผู้เสียชีวิต แต่ได้มีการพูดคุยกันก่อน ว่าอย่าเข้าใจผิด จนมือปืนเข้าใจ มิเช่นนั้นอาจจะบานปลาย

ล่าสุด เกี่ยวกับความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 18 ก.ค.พ.ต.ต.สมศักดิ์ ปุตะกะ สว.(สืบสวน) สภ.แกลง ระยอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ติดตามจับกุมตัวนายชาคริต ลักษณบุญส่ง อายุ 17 ปี ได้ในพื้นที่ อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ขณะกำลังจะขึ้นรถไปหาญาติที่ กทม. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวไปทำการค้นหาอาวุธปืน และ เตรียมนำตัวกลับมาสอบสวนที่ สภ.แกลง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ต่

อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี มาที่ สภ.แกลง ระยอง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้สวมหมวกกันน็อค ก่อนจะพาตัวเข้าไปทำการสอบสวน และ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าไปทำการตรวจเขม่าดินปืนจากตัวคนร้าย โดยนายชาคริต ให้การว่า ที่ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ เกิดจากความหึงหวง และ ความที่รักมากเกินไป จึงลงมือก่อเหตุ โดยพฤติกรรมคนร้าย หลังก่อเหตุได้ขี่จยย.ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีดำแดง ทะเบียน 4501 ระยอง ไปจอดที่บ้านแม่เลี้ยงที่ ต.ช้างข้าม อ.นายาอาม จ.จันทบุรี หลังจากนั้นก็หนีไปที่ ตลาดวังจันทร์ ต.ชุมแสง อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ขณะกำลังจะขึ้นโดยสารไปกรุงเทพ

ส่วนนายชาตรี บิดาของผู้ต้องหา ที่มารอบุตรชายอยู่ที่ สภ.อ.แกลง กล่าวว่า ไม่คิดว่าบุตรชายจะก่อเหตุรุนแรงแบบนี้ ก็ได้แต่ทำใจ เคยห้ามแล้วว่าอย่าไปคบ เพราะมีอายุต่างกันมาก แต่ก็ไม่ยอมฟัง จนมาเกิดเหตุร้ายขึ้น ซึ่งตนเองก็พยายามตักเตือน แค่บุตรชายมักจะดื้อ เพราะเคยเป็นโรคเกี่ยวกับประสาทมาก่อน จึงอาจทำให้ก่อเหตุร้ายขึ้น สงสารลูกแต่ก็ต้องรับกรรมที่ก่อขึ้น และไม่ต้องการให้ทำแผนประกอบการรับสารภาพ เพราะกลัวถูกทำร้าย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้พาไปสอบสวน และพามาหาอาวุธปืน โดยอ้างว่านำมาทิ้งที่ ป่าชายเลน บริเวณสะพานประแสสิน ต.ปากน้ำประแสร์ อ.แกลง จ.ระยอง โดยมีเจ้าหน้าตำรวจ และอาสาสมัครกู้ภัย ช่วยกันหาแต่ไม่เจอ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเค้นสอบถามผู้ต้องหาอย่างหนัก หลังจากนั้นก็บอกว่าปืน ลูกซองไทยประดิษฐ์ เบอร์12 ได้อยู่ที่พ่อ เก็บไว้ในกล่องโฟม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวนายเอ ไปที่บ้านพ่อ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ จึงให้ชุดติดตามเฝ้าอยู่ที่บริเวณสะพานประแสสินต่อไป

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมดำเนินคดีในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ส่วนอาวุธปืนยังไม่ปักใจเชื่อ กำลังค้นหาตามที่ค้นร้ายชี้จุดว่าไปทิ้งต่อไปจนกว่าจะพบหลักฐาน

scpaperpacknews

scpaperpacknews