เปิดใจนางแบบสาว “โยเกิร์ต – ณัฐฐชาช์ บุญประชม” เจ้าของร้าน กระดาษไข / กระดาษไขรองอบ หลังหย่าขาดกับอดีตสามี จบฉากรัก 12 ปีไม่รู้สึกเสียดาย กลับมาใช้ชีวิตสวยโสดสตรอง เปิดโอกาสใหม่ๆ ให้ตัวเอง มองเป้าหมายชีวิตชัดเจนมากขึ้น แพลนอนาคตอยากมีครอบครัวได้รับบทบาทของการเป็นแม่คน ในรายการ WOODY FM
การแยกทางกันอย่างเป็นทางการตอนนี้จิตใจ ความรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง ?
โยเกิร์ต : ผ่านมาประมาณเดือนหนึ่งแล้วก็โอเคขึ้น มีวันที่ดีบ้าง วันที่ไม่ดีก็ยังมีอยู่ วันที่รู้สึกดาวน์ๆ แต่ก็ดีขึ้นค่อยๆทีละนิด
คุณอยู่ด้วยกันมากี่ปีแล้ว ?
โยเกิร์ต : 12 ปีค่ะ
การที่จะตัดสินใจเลิกด้วยเพราะเหตุการณ์ที่มันหนักมาก ใจต้องคิดยังไงถึงจะสามารถบอกว่าพอแล้ว ?
โยเกิร์ต : มีช่วงหนึ่งที่ได้ใช้เวลากับตัวเอง มองเรื่องราวให้มันเป็นระบบใหญ่ พยายามตัดอารมณ์ออกไปทั้งหมด พิจารณาด้วยเหตุและผลจริงๆ สุดท้ายก้เป็นการตัดสินใจแบบนี้ค่ะ
มีความรู้สึกว่าเสียดายไหม ?
โยเกิร์ต : ไม่อยากใช้คำว่าเสียดาย เรารู้สึกว่าเราเต็มที่กับทุกสเต็ป ใน 12 ปี ในความสัมพันธ์เราเต็มที่กับทุกเรื่อง ไม่ได้รู้สึกเสียดาย
คุณเป็นภรรยาแบบไหน ?
โยเกิร์ต : (หัวเราะ) พูดเดี๋ยวแบบเข้าข้างตัวเอง แต่โยก็เป็นผู้หญิงที่ทำหน้าที่ภรรยาได้แบบที่สุด
ตอนนั้นคือตัดสินใจเบรคจากงานหรือว่าอยากจะมาโฟกัสความสัมพันธ์หรือว่ายังไง ?
โยเกิร์ต : ไม่ได้ตัดสินใจเบรคแต่เหมือนเป็นช่วงจังหวะ แล้วเราอยู่ในความสัมพันธ์แบบนั้น เราก็ต้องทำหน้าที่ตรงนั้นให้ดีที่สุด พร้อมเป็นผู้สนับสนุนเขา เราก็ทำแบบเต็มที่ ทำด้วยความเต็มใจ ด้วยช่วงจังหวะหลายๆอย่างด้วยมันก็เลยทำให้คนรู้สึกว่าเราเบรคจากงานตรงนี้ไป ก็ยังทำอยู่ทำบ้าง แต่ว่าให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นหลัก
ตอนนี้มีเวลามากขึ้นในการทำในสิ่งที่อยากทำไหม ?
โยเกิร์ต : ใช่ค่ะ ตอนนี้ก็มีเวลาได้คิด ได้ทบทวนกับตัวเองเยอะว่าอาจทำอะไร คือก่อนหน้านี้เวลาคิดหรือวางแผนอะไรมันจะมาเป็นแพ็คเกจ พิจารณาเป็นคู่ ไปไหนไปด้วยกัน คิดสำหรับคน 2 คน ถ้ามันไม่ได้เวิร์คไม่ได้ดีสำหรับคนสองคนเราไม่ทำ แต่พอตอนนี้มันก็เป็นเรื่องที่ดีที่เราได้กลับมามองตัวเองจริงๆว่าเราอยากทำอะไร เราชอบอะไร
อะไรที่ไม่เคยได้ทำมาก่อนแต่อยากทำมาก ?
โยเกิร์ต : หลายอย่างเลยนะ งานในวงการก็ชอบอยากทำ ธุรกิจก็อยากทำ มีอีกอย่างหนึ่งที่อยากทำ มันแค่เป็นไอเดียผุดขึ้นมาว่าพอเราจบความสัมพันธ์นั้น คือบทบาทของแม่คน เป็นสิ่งหนึ่งที่เราอยากทำ เมื่อก่อนเราจะไม่เคยพูดว่าเรื่องมีลูก
แล้วเหตุผลที่ไม่ได้มีลูกกันเพราะอะไร ?
โยเกิร์ต : เหมือนทั้งสองคนก็รู้สึกว่าด้วยไลฟ์สไตล์เรา ด้วยทุกอย่างของเรามันไม่ได้แบบอยากจะมีลูก เอาจริงๆโยไม่ได้แอนตี้เรื่องการมีลูกหรือไม่มีลูก แต่รู้สึกว่ามันต้องขึ้นอยู่กับไลฟ์ของพาร์เนอร์คู่ชีวิตของเราด้วยว่าลงตัวไหม เหมาะไหม ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีไอเดียนั้นเลย แต่พอวันหนึ่งที่จบความสัมพันธ์ไปเราแค่รู้สึกว่ามันก็มีโอกาสที่เราจะเป็นแม่คนได้ เป็นอีกบทบาทหนึ่ง
แล้วเป็นแม่คนแบบที่ไม่ต้องมีพ่อไหมหรือว่าจำเป็นต้องมีพ่อ ?
โยเกิร์ต : ในหัวโยมันก็มีภาพที่เป็นครอบครัวที่มีพ่อแม่ลูกนะ ซึ่งเป็นความคิดที่อยู่ดีๆ ก็โผล่ขึ้นมาในหัว
เราได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ?
โยเกิร์ต : เป้าหมายในชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ ได้มีโอกาสกลับมาทบทวนตัวเองและเป้าหมายในชีวิต กลับมาดูหางเสือในชีวิตตัวเองว่าทุกอย่างมันไปตามเป้าหมายในชีวิตที่เราเคยคิดเคยฝันไว้ไหม หรือภาพเป้าหมายในชีวิตเราเปลี่ยนไปหรือเปล่า พอเราได้มีโอกาสอยู่กับตัวเองได้คิดพิจารณา มันก็ทำให้ทุกการกระทำของเราที่ทำวันนี้หรือต่อจากพรุ่งนี้มันยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้นในการที่จะนำพาเราให้ไปถึงเป้าหมายในชีวิตที่เราวาดฝันเอาไว้ มันได้กดปุ่มรีเซ็ตให้กับตัวเอง
เคยคิดไหมว่าจะได้รับการสนับสนุนและกำลังใจจากผู้คนมากมายขนาดนี้ ?
โยเกิร์ต : ไม่เลยค่ะ สำหรับเพื่อนที่อยู่ใกล้ตัวเรา โยรู้อยู่แล้วคนที่เป็นเพื่อนรอบตัวจะสนับสนุนเรา แต่ว่าสิ่งที่โยไม่คาดคิดก็คือคนทั่วไป ประชาชนทั่วไป ที่เห็นแล้วรู้สึกว่าเราเป็นแรงบันดาลใจเขาบางอย่าง การกระทำของเรามีผลต่อเขาบางอย่าง ทำให้เขารับรู้ หรือรู้สึกบางอย่าง อันนี้ไม่เคยคิดเลย แค่คิดว่าเราทำในสิ่งที่ถูกต้อง เราทำสิ่งที่มันควรจะทำ ก่อนมาส่งข้อความหาน้องคนหนึ่ง ที่เป็นหนึ่งในคนที่ส่งข้อความมาหาโยหลังจากได้ยินข่าวคราว ขออนุญาตเขาแล้วว่าขอพูดถึง คือถาม ลิซ่า ว่าไอสามารถพูดถึงยูในรายการได้ไหม วันนี้จะมาคุยกับพี่วู้ดดี้ เขาบอกได้เลยแน่นอน ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เรารู้สึกตกใจไม่คิดว่าเขาจะส่งข้อความหาเรา ไม่ใช่แค่ส่งข้อความมาซัพพอร์ตแต่เขาพูดอธิบายความรู้สึกบางอย่างที่เกิดจากการรับรู้ แล้วมันส่งผลยังไงต่อเขา โยรู้สึกว่า ว้าว! ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าการกระทำของเรามันสามารถส่งแมสเสจบางอย่างไปถึงผู้คนได้