เด็กหญิงวัย 14 ปี ป่วยเป็นเบาหวาน นักโภชนาการตะลึง เมื่อรู้เมนูอาหาร 3 มื้อที่กินทุกวัน แม่ได้แต่ร้องไห้อย่างขมขื่น
เว็บไซต์ ETtoday รายงานว่า นักโภชนาการ เกา มินมิน เล่าถึงเคสที่พบจากคลินิกโภชนาการเมตาบอลิซึม ในรายการ Doctors Are Hot ว่า เด็กหญิงวัย 14 ปี ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 และต้องเริ่มกินยา ทำให้ผู้เป็นแม่ถึงกับร้องไห้ออกมา และโทษตัวเองว่า “ฉันทำลายชีวิตลูกหรือเปล่า?”
หลังจากซักถามประวัติ เกา มินมิน ก็ได้รู้ว่าเด็กสาวชอบกินขนมปังปิ้งกับแยมและนมข้นหวาน แม่ของเธอยังซื้อเค้กและโดรายากิเป็นของว่างให้ลูกสาวกินหลังเลิกเรียนทุกวัน จนกระทั่งพ่อของเธอกลับบ้านหลังเลิกงาน ทั้งครอบครัวก็จะออกไปกินอาหารด้วยกัน
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้เป็นแม่ก็โทรหาครูประจำชั้นเพื่อแจ้งว่ากำลังจะพาลูกไปหาหมอ เธอจึงได้รู้ว่าลูกสาวไม่ได้สั่งอาหารกลางวันที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่โรงเรียน แต่บางครั้งก็ไปซื้อขนมปังที่ร้านค้าสวัสดิการ จะซื้อเพิ่มอีกชิ้นเพื่อกินเป็นของว่างยามบ่ายเมื่อหิว กล่องไก่ขน / กล่องใส่ไก่ชน
เมื่อ เกา มินมิน ได้ยินสิ่งนี้ เธอก็ตระหนักว่าสถานการณ์ดังกล่าวค่อนข้างร้ายแรง แม้ว่าพ่อแม่ของเด็กหญิงจะไม่ได้เป็นโรคเบาหวาน แต่ปู่ย่าตายายของเด็กหญิงเป็น
เท่ากับว่าเด็กหญิงจึงมีประวัติเป็นโรคเบาหวานทางพันธุกรรม ควบคู่กับนิสัยการกินของเจ้าตัว เธอจึงได้รับน้ำตาลทรายขาวตลอดทั้งวันในปริมาณที่มากเกินไป จึงทำให้เธอเป็นโรคเบาหวานตั้งแต่อายุยังน้อย
ในเรื่องนี้ เกา มินมิน แนะนำว่าเด็ก ๆ ควรกินของว่างเบา ๆ และน้ำตาลต่ำ เช่น เฉาก๊วย โยเกิร์ต พุดดิ้งเต้าหู้ เกาลัด ขนมปังฝรั่งเศส และถั่ว เป็นต้น
เมื่อพิจารณาจากการบริโภคปกติของเด็กผู้หญิงที่ 1,500 แคลอรี่ ปริมาณน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์จะคิดเป็น 150 แคลอรี่เท่านั้น หรือเท่ากับ น้ำตาล 4 ถึง 8 ก้อน
แม้แต่น้ำผักและผลไม้ปั่นที่ดูเหมือนจะดีต่อสุขภาพก็ยังมีน้ำตาลถึง 6 ก้อน ดังนั้นจึงง่ายต่อการบริโภคมากเกินไปโดยไม่รู้ตัว