เมื่อเวลา 14.30น.วันที่ 15 มกราคม 2566 พ.ต.ท.วสุ น้อยเจริญ รอง ผกก.(สอบสวน)สน.ท่าข้าม รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บหลายรายภายในร้านยันหว่าง คาราโอเกะ แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.ทศพร กลีบแก้ว สว.สส.สน.ท่าข้าม พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผกก.สน.ท่าข้าม พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บกน.9 เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถว4ชั้น 1 คูหา ติดกับร้าน ขาย เครื่องรัดมือโยก เครื่องรัดกล่อง บริเวณกลางร้านบนโซฟาคาราโอเกะ พบร่างน.ส.อ้อยใจ อายุ 22 ปี สัญชาติลาว สภาพหมดสติ มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด 11ม.ม.เข้าที่ใต้ราวนมขวา 1 นัด และแขนขวา1นัด อาการสาหัส บนพื้นยังพบนร่างน.ส.สุลี อายุ31ปี สัญชาติลาว นอนร้องครวญครางขอความช่วยเหลือ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกันบริเวณน่องซ้าย2นัด หน่วยกูภัย อ.ป.พ.ร.เขตบางขุนเทียน จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลนครธนเป็นการด่วน
ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อนายวุฒิชัย อายุ32ปี เจ้าตัวกลัวความผิด ใช้ปืนที่ก่อเหตุ ระเบิดขมับตัวเองเสียชีวิตอยู่ข้างโซฟา ในสภาพนั่งพิง อยู่ในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีแดง กางเกงยีนสามส่วนสีดำ มีบาดแผลถูกยิงที่ขมับซ้าย 1นัด ข้างตัวพบอาวุธปืนพกแบบแม็กกาซีน ขนาด 11 ม.ม.ตกอยู่ และปลอกกระสุนอีก 5 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
บริเวณหน้าร้านยังพบนางปนิดา อายุ27ปี ภรรยาของนายวุฒิชัย ยืนอุ้มลูกสาววัย 2 ขวบเศษ ร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ เจ้าหน้าที่ทำการปลอบประโลม ก่อนจะสอบสวนเบื้องต้นจนได้ความว่า ตนอยู่กินกับผู้ตายมาได้6ปี จนมีลูกสาวด้วยกัน1คน โดยผู้ตายทำงานบริษัท เกี่ยวกับปุ๋ยและสารเคมีอยู่ย่านมหาชัย แถมยังเป็นอาสาสมัครมูลนิธิอัมรินทร์ใต้ ธนบุรี รหัส อัมรินทร์ใต้ ธนบุรี 10 อีกด้วย ตนมารู้เรื่องที่สามีแอบคบกับสาวคาราโอเกะได้ประมาณ4เดือน โดยพบการคุยกันทางไลน์ ตอนนั้นทะเลาะกันหนักมาก ตนโทรไปหาผู้หญิง บอกให้เลิกยุ่งกับสามีของตน เพราะจะทำให้ครอบครัวตนแตกพัง
แต่ดูเหมือนผู้หญิงอยากจะได้สามีตน ซึ่งสามีตนก็รับปากว่าจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนนี้อีก แล้วผู้หญิงคนนี้ก็หายไปราวเดือนเศษ สามีเริ่มเปลี่ยนไปอีกครั้ง จึงถามถึงเรื่องเก่า จนสามีบอกว่าถ้าไม่เชื่อใจ วันนี้จะไปคุยให้รู้เรื่อง เพื่อความสบายใจของตน ซึ่งตนทราบว่าสามีพกปืน แต่ไม่รู้ว่าวันนี้จะเอามาด้วย ถ้ารู้ตนคงโทรศัพท์บอกให้ผู้หญิงคนนั้นหนีไปก่อนแล้ว
เมื่อมาถึงหน้าร้าน สามีบอกว่าจะขอเข้าไปในร้านเพียงคนเดียว ให้ตนกับลูกรออยู่ในรถ หลังจากสามีเข้าไปเพียงครู่เดียว ตนรู้สึกไม่สบายใจ ลงจากรถกำลังจะเข้าไปในร้าน ได้ยินเสียงปืนดังออกมาจากร้านหลายนัด พร้อมกับมีพนักงานวิ่งหนีกันออกมา แต่ก็ไม่คิดว่าสามีตนจะเป็นคนก่อเหตุ
ด้านพนักงานต้อนรับภายในร้านต่างให้การตรงกันว่า แต่ก่อนน.ส.อ้อยใจ เคยทำงานอยู่ที่ร้านนี้ ต่อมาย้ายไปทำร้านอื่น แล้วไปรู้จักผู้ตายที่ร้านอื่นได้ประมาณ4เดือน ซึ่งน.ส.อ้อยใจ บ่นว่าอยากจะเลิก แต่ผู้ตายไม่ยอมเลิก จนฝ่ายหญิงต้องหนีกลับไปที่ลาวได้ประมาณเดือนเศษ แล้วเพิ่งกลับมาทำงานที่ร้านนี้ได้เพียง5วัน ซึ่งผู้ตายก็ขับรถมาเฝ้าสังเกตุการณ์ทุกวัน จนกระทั่งวันนี้น.ส.อ้อยใจ และน.ส.สุลี น้าสาว กำลังนั่งกินข้าวกันที่โต๊ะคาราโอเกะ ผู้ตายเดินเข้ามาพูดจากับ น.ส.อ้อยใจ ก่อนจะชักปืนที่พกมากระหน่ำยิงน.ส.อ้อยใจกับน้าจนได้รับบาดเจ็บ แล้วยิงตัวเองตามจนเสียชีวิต
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ สอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ และส่งศพไปผ่าพิสูจน์ที่นิติเวช โรงพยาบาลศิริราชเพื่อผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง