วันที่ 17 ธันวาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรบ้านค่าย อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง ได้รับแจ้งจากห้องวิทยุ แจ้งว่าเกิดเหตุแม่ทำร้ายร่างกายบุตรชาย จนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่บ้านพัก ในพื้นที่ หมู่ 4 ตำบลชากบก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง จึงประสานแพทย์เวร โรงพยาบาลบ้านค่าย หน่วยกู้ภัยร่วมกตัญญูระยอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียว เข้าไปตรวจสอบพบกับ นายแหลมทอง (สงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ช่วงคอด้านหลัง เลือดไหลตลอดเวลา จนเสื้อขาวที่ใช้ปิดบาดแผลชุ่มไปด้วยเลือด พบมีบาดแผลคล้ายถูกของมีคมแทง ที่ต้นคอด้านหลังขนาดแผลกว้างประมาณ 4 เซนติเมตร ลึก 2 เซนติเมตร จึงช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนจะนำตัวส่งรักษาที่ โรงพยาบาลบ้านค่าย จนล่าสุดพ้นขีดอันตรายแล้ว ส่วนผู้ก่อเหตุไม่ใช่ใครอื่น คือมารดาของผู้ได้รับบาดเจ็บ ชื่อนางค่าย (สงวนนามสกุล) อายุ 80 ปี ซึ่งอยู่ในอาการเมาสุรา โวยวายอยู่ภายในบ้าน ที่ทางบุตรสาวได้ล็อกประตูขังไว้ เพราะเกรงจะออกมาทำร้ายคนอื่นอีก
ส่วนนายแหลมทอง หลังอาการพ้นขีดอันตราย ยืนยันว่า ไม่ขอเอาเรื่องแม่ตัวเอง เพราะแม่ไม่มีสติ และ ชอบมีอาการเครียดประจำและติดสุราเรื้อรัง กระทำไปเพราะขาดสติ ในฐานะลูกไม่ต้องการเอาเรื่องกับแม่ และ ยินดียกโทษให้ ต้องการให้แม่ได้รับการรักษา จะได้หายแล้วกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม
ด้านนางนุ่น อายุ 27 ปี พนักงานโรงงานถุงเก็บผ้าสุญญากาศ ถุงสูญญากาศใส่เสื้อผ้า เพื่อนบ้าน ได้เปิดเผยว่า ช่วงเกิดเหตุได้ยินเสียงเคาะประตู เปิดออกมาก็เจอนายแหลมยืนเลือดอาบจึงรีบแจ้งกู้ภัยเข้าช่วยเหลือ และ ตามบุตรสาวของนางค่ายมาทันที ส่วนนางค่าย ยังอยู่ในอาการโวยวาย จึงไม่กล้าเข้าใกล้
ต่อมานายอชิตพล อินทร์ไชย นักสังคมสงเคราะห์ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดระยอง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2565 ได้พาไปตรวจ 5 โรค และจิตเวช แล้วผลแพทย์ ออกมานางค่าย ไม่พบว่าเป็น 5 โรคร้ายแรง และไม่มีอาการจิตเวช จึงหาแนวทางแก้ไขเบื้องต้น ให้ลูกสาวทดลองให้แยกกันอยู่กับแม่ 2 เดือน เพราะนางค่ายมีปัญหากับลูกสาว โดยให้ลูกสาวออกไปเช่าห้องอยู่ และให้นางค่ายอยู่กับลูกชาย โดยค่าใช้จ่ายค่าเช่าห้องทาง พม. ให้การช่วยเหลือ คนละ 3,000 ต่อคน ทั้งหมด 3 คน จนมาเกิดเหตุอีกเมื่อคืน
ล่าสุดในวันจันทร์ จะเตรียมประชุมกับสหวิชาชีพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมผู้นำชุมชน เพื่อหาแนวทางแก้ไข และเตรียมพายายเข้าสถานสงเคราะห์ทันที
